วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

จัดทำโดย โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ ห้อง ม.5/2
1.นางสาวภัทราพร เฉลิมสุข เลขที่ 2 2.นางสาวอริสรา ศรีพวาทกุล เลขที่ 8
3.นายธนธรณ์ ตรีธนเศรษฐกุล เลขที่ 15 4.นายภัทรพงษ์ เอี่ยมศิริกิจ เลขที่ 18
5.นายวรวิทย์ จิตภักดีบดินทร์ เลขที่ 22 ุ6.นางสาวสิริยากร สมบูรณ์ธเนศ เลขที่ 24

ปัญหาพฤติกรรมวัยรุ่น


>พฤติกรรมวัยรุ่นที่ก่อปัญหา

อ้างอิงรูป : http://www.thaihealth.or.th/Content/24403.html


วัยรุ่นเป็นวัยที่มีปัญหาสุขภาพจิตได้มากที่สุดวัยหนึ่ง  ซึ่งแสดงออกเป็นปัญหาพฤติกรรมได้หลายประการ เช่น  ดื้อ  ไม่เชื่อฟัง  ละเมิดกฎเกณฑ์กติกาต่างๆ  มีแฟนและมีเพศสัมพันธ์  ใช้ยาเสพติด  ทำผิดกฎหมาย  ปัญหาพฤติกรรมบางอย่างมักเกิดขึ้นมานาน จนทำให้การแก้ไขมักทำได้ยาก  การป้องกันปัญหาจึงมีความจำเป็น  และสำคัญมากกว่าการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว  การป้องกันดังกล่าว  ควรเริ่มตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพจิตตั้งแต่เด็ก  เด็กที่มีพัฒนาการของบุคลิกภาพดี   จะมีภูมิต้านทานโรคทางจิตเวชต่างๆ และช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในวัยรุ่นได้อย่างมากเช่นกัน  พ่อแม่และครูอาจารย์และผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กทั้งหลาย  จึงควรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพจิตตั้งเด็กจนถึงวัยรุ่นเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ สังคมและสิ่งแวดล้อมก็ควรมีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาการเด็กและวัยรุ่นเช่นเดียวกัน

 

>พฤติกรรมที่พบบ่อยในวัยรุ่น
ไม่มีเพื่อน
เพื่อนมีความหมายสำหรับวัยรุ่นอย่างยิ่ง ใครที่มีเพื่อนน้อยหรือไม่มีคนคบจะเป็นวัยรุ่นที่มีปมด้อยมาก
สาเหตุที่ทำให้วัยรุ่นมีปัญหากับเพื่อน มักเกิดจากพื้นฐานไม่ดีมาก่อน เช่น
         1. ปรับตัวยาก เอาแต่ใจ ไม่เข้าใจจิตใจคนอื่น ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางความคิด
         2. ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก กลัวทำผิด กลัวคนอื่นว่า มักจะมีทักษะในด้านต่างๆไม่มาก
         3. เรียนไม่เก่ง
         4. ด้อยโอกาส ขาดคนรัก ขาดคนสนใจ ถูกละทิ้ง หรือถูกทำร้าย ขาดคนดูแลสั่งสอน
         5. มีปัญหาทางอารมณ์ ซึมเศร้า วิตกกังวล
         6. มีปัญหาที่บ้าน พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อย หรือเข้ากับคนในบ้านไม่ได้ดี
         7. ขาดทักษะการเข้าสังคม เช่น กีฬา ดนตรี การทำกิจกรรม ไม่เข้าใจจิตใจผู้อื่น เป็นต้น





คบเพื่อนไม่ดี
เด็กที่มีปัญหาก็มักจะคบคนที่มีปัญหาคล้ายๆกัน เรียนไม่เก่งก็จะมีเพื่อนที่เรียนไม่ค่อยสนใจเรียนหนังสือ กลุ่มตุ๊ดก็จะคบกันอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เป็นต้น บางรายชวนกันหนีเรียน เที่ยวเธค เล่นเกม หรือทำผิดกฎหมายก็มี
วัยรุ่นที่ขาดคนสนใจ ขาดความอบอุ่นก็จะหันไปหาเพื่อนมากขึ้น ติดเพื่อนและไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ต่อต้านเพิ่มขึ้นเพราะรู้สึกเป็นที่ยอมรับจากเพื่อนมากกว่าพ่อแม่
การที่ได้รู้จักเพื่อนลูก จะช่วยทำให้พ่อแม่ได้เข้าใจมุมมองและประเด็นปัญหาของลูกเราได้ ถึงแม้ว่าลักษณะบางอย่างของเพื่อนลูกจะขัดใจ ขัดตาพ่อแม่บ้าง ขอให้อดทนและยอมรับว่าเขาเป็นเพื่อนของลูกเรา คงต้องมีอะไรที่ดีๆบ้าง การสร้างความใกล้ชิดกับกลุ่มเพื่อนลูก ให้โอกาสทำดี ฝึกฝนทำงาน เท่ากับคุณกลายเป็นผู้พัฒนาวัยรุ่นทั้งกลุ่มให้เป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้โดยง่าย ถ้าเข้ากับพวกเขาได้ อย่าลืมว่าวัยรุ่นยังต้องการผู้ใหญ่อยู่เหมือนกัน ถ้าทนไม่ไหวจริงๆก็ต้อง
1. คุยกับลูกว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนอย่างไร มีข้อดีข้อเสียตรงไหน เพื่อฝึกให้ลูกหัดแยกแยะ และชักจูงให้พิจารณาให้เห็นข้อเสียของพฤติกรรมของเพื่อน ว่าถ้าคบต่อควรระวังตัวอย่างไร
2. อย่าด่วนไปแจกแจงความไม่ดีของเพื่อนลูกก่อนเพราะจะทำให้เขารู้สึกว่าคุณไม่ชอบเพื่อนเขา ไม่ควรบอกลูกตรงๆว่าเพื่อนลูกคนนี้ไม่ดี แม่ไม่ชอบ ไม่ให้คบกัน เพราะจะทำให้เกิดการต่อต้าน หรือทำในทิศทางตรงข้าม คือ แอบไปหากัน ยกเว้นว่าคุณให้เวลากับเพื่อนลูกมากพอและลูกคุณก็เห็นปัญหาที่เพื่อนจะทำให้เขาเสียหายเหมือนกัน
3. ช่วยกันหาทางป้องกันปัญหาและแก้ไขปัญหากับลูก เท่ากับช่วยฝึกให้ลูกเรียนรู้จักคนเพิ่มขึ้น
4. เป็นที่ปรึกษา เพราะเวลาที่ลูกคบกับเพื่อนคนนี้ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นเป็นระยะ รับฟังความรู้สึก ฟังความคิดเห็น ให้วัยรุ่นมีโอกาสคิดแก้ไขหาทางออก มากกว่าจะคิดแทน เพราะวัยรุ่นยังขาดประสบการณ์และความมั่นใจในการแก้ปัญหา การปรับตัวในทางเข้าสังคม
5. วางขอบเขตในการคบเพื่อนที่พอเหมาะ ถึงแม้ว่าวัยรุ่นต้องการความอิสระก็ตามแต่ต้องอยู่ในความเหมาะสมควบคู่กัน เช่น ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่รบกวนการเรียนซึ่งเป็นหน้าที่หลัก ไม่อันตรายต่อจนเองและผู้อื่น อยู่ในกรอบกฎเกณฑ์ทางสังคมและกฎหมาย ไม่รบกวนหรือทำให้ผู้อื่นเดือนร้อน เป็นต้น และถ้าเกินเลย จำเป็นต้องพูดคุยและรักษาขอบเขตให้ชัดเจนเสมอ จะง่ายถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

อ้างอิงรูป : http://www.love4home.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=109758&Ntype=5


ชอบแกล้งน้อง
การส่งเสริมให้พี่น้องเกื้อกูล เอื้ออาทรต่อกัน เข้าใจและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะเป็นรากฐานที่ดีในการอยู่ในสังคมปัจจุบัน จากประสบการณ์ที่เคยดูแลเด็กเล็กมาก่อนโดยอาศัยการช่วยชี้แนะจากพ่อแม่ จะช่วยให้พี่มีทักษะในการดูแลเด็ก ระมัดระวังอันตราย คอยปกป้องอันตรายแต่ก็ต้องช่วยฝึกสอนน้องให้เก่งขึ้น จิตใจอ่อนโยน เป็นที่เคารพของน้องๆต่อไป ขณะเดียวกันพี่เองก็รู้สึกภูมิใจที่ทำหน้าที่แทนพ่อแม่ได้ มั่นใจและเกิดเป็นความรักความผูกพันกับคนในครอบครัว

วิธีแก้ปัญหา
1. ต้องเข้าใจ การเลี้ยงเด็กเล็กกว่าเป็นงานที่ยากในความสามารถของพี่หลายคน มิใช่ว่าจะทำได้ดีเท่าผู้ใหญ่ ถ้าจะเริ่มก็ควรเริ่มให้ช่วยดูแลตั้งแต่เล็กมาเลย ยังต้องการกำลังใจและการชี้แนะจากพ่อแม่ภายใต้เวลาที่เหมาะสม การฝึกสอนต้องผ่อนปรนเพราะบางครั้งวัยรุ่นเขาไม่อยากทำบ้างก็ต้องยอม แต่บางครั้งก็ต้องให้ดูแลน้องบ้างทั้งที่ไม่อยากทำก็ตาม โดยแบ่งเวลาให้รับผิดชอบตามความสามารถ เท่ากับฝึกให้ช่วยเหลือคนอื่นไปในตัว
ถึงแม้ว่าจะเคยเลี้ยงน้องมาก่อน แต่วัยรุ่นเองก็ต้องมีเวลาอิสระเป็นตัวของตัวเองในการพัฒนาตนเองในด้านอื่นๆด้วย อาจเบื่อหรือไม่อยากทำบ้างก็ต้องเข้าใจ
2. พัฒนาเทคนิค การจู้จี้ บ่น ดุ ว่า หรือเรียกร้องความสมบูรณ์แบบมากเกินไป จะทำให้ทุกคนเบื่อและไม่อยากเข้ามาช่วยเหลือในการดูแลเด็กเล็กซึ่งเป็นงานที่ไม่น่าสนใจในสายตาวัยรุ่นอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเขายังทำได้ไม่ดีนัก แต่ต้องชื่นชมในส่วนที่เขาทำได้ อะไรที่บกพร่องหรือผิดพลาดก็ค่อยๆบอกกล่าวโดยไม่ใช้อารมณ์ ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ การกำหนดเวลาที่เหมาะสมในการดูและน้องจะทำให้วัยรุ่นมองเห็นขอบเขตของงานที่ได้รับมอบหมายชัดเจนขึ้น
3. ทักษะการเล่น การฝึกฝนให้พี่น้องเล่นด้วยกัน โดยอาศัยพ่อแม่เป็นตัวกลางจะช่วยทำให้เด็กต่างวัยใช้เวลาสนุกสนานร่วมกันได้ แต่ต้องเข้าใจว่าในการเล่นกับคนที่เด็กกว่า ความสามารถด้อยกว่า พูดคุยกันก็ไม่ค่อยจะเข้าใจกันนัก แถมอีกคนก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกติกาเท่าไร ไม่ใช่เป็นการเล่นที่สนุกสำหรับวัยรุ่นเลย แต่ก็ยังพอฝีนทนทำได้ถ้าพ่อแม่มองเห็นความอดทนและเข้าใจ เช่น การเล่นกีฬา ร้องเพลง
4. เวลาเพื่อวัยรุ่น ต้องยอมรับว่า เวลาที่พ่อแม่มีให้วัยรุ่นนั้นน้อยมากเมื่อเทียบกับการให้เวลากับลูกวัยอื่น และถ้าเวลาที่มีอยู่ด้วยกันไม่มีคุณภาพ เช่น ต่างคนต่างอยู่ หรือใช้ไปกับการบ่น ดุ ว่า สั่งสอน จะยิ่งทำให้สัมพันธภาพระหว่างพ่อแม่กับวัยรุ่นแย่ลง เมื่อจะใช้ให้ทำอะไรวัยรุ่นก็ย่อมไม่อยากทำให้ ขณะเดียวกันวัยรุ่นก็ต้องการเวลาจากพ่อแม่ในการฝึกฝนให้เกิดความสามารถตามวัยที่เขาควรจะได้รับเช่นกันโดย ทำกิจกรรมร่วมกัน และเมื่อสัมพันธภาพที่มีดีต่อกัน การที่พ่อแม่ขอร้องให้ช่วยดูแลน้องบ้างเขาก็จะยอมทำให้ถึงแม้ว่าจะไม่ชอบเท่าไร
อ้างอิงรูป : http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9560000035904


 สงสัยว่าลูกจะเป็นตุ๊ด
ปัญหาหนักอกของพ่อแม่เมื่อเห็นลูกชายที่เรียบร้อย ดูนุ่มนิ่ม มีลักษณะกระเดียดไปทางผู้หญิง ไม่ชอบความรุนแรง และยิ่งคบแต่เพื่อนผู้ชายด้วยกัน ไม่สนใจในเพศตรงข้าม ทำให้เกิดความสงสัยได้
รักร่วมเพศ พบได้บ่อยในผู้ชายร้อยละ 10 และพบในผู้หญิงร้อยละ 3-5 ไม่เรียกว่าเป็นความผิดปกติ แต่เมื่อพบแล้วมักจะมีปัญหาการปรับตัว ปัญหาทางอารมณ์ได้สูงเนื่องจากสังคมส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ทำให้ถูกล้อเลียน ตั้งแง่ รังเกียจ ไม่ยอมรับเข้ากลุ่ม
ความรู้สึกชอบเพศเดียวกัน หรือรังเกียจเพศของตัวเอง เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมานานตั้แต่วัยเด็กแต่หลายรายที่มาแสดงออกเมื่อเข้าวัยรุ่นและอีกหลายรายที่ไม่แสดงออกให้สังคมทราบ จะมีปัญหาน้อยถ้าสามารถปรับตัวให้เข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้

 


  
สาเหตุของรักร่วมเพศ
ความสัมพันธ์ในบ้านไม่ดี เช่น ท่าทีของพ่อแข็งกร้าว น่ากลัว ดุ หรือเหินห่าง ไม่มีบทบาทในบ้าน                       ปล่อยให้แม่เป็นใหญ่ จัดการทุกอย่างในบ้าน    
-  อยู่ท่ามกลางผู้หญิง หรือ ถูกเลี้ยงดูให้เรียบร้อย ไม่ชอบความสกปรกและความรุนแรง                                  ส่งเสริมการเล่นที่ไม่โลดโผนและไม่ใช้แรง
-              -    อยู่ในภาวะเสี่ยง ขาดการดูแลใกล้ชิด มีปัญหาในการเข้ากลุ่มเพื่อน ขาดความรัก                                        หรือถูกหลอกให้มีประสบการณ์รักร่วมเพศมาก่อน
-              -  ความผิดปกติในระบบของร่างกาย
การป้องกัน
ป้องกันปัญหาการเลี้ยงผิดเพศตั้งแต่เล็ก โดยเลี้ยงให้ถูกเพศและปรับปรุงความใกล้ชิดระหว่างพ่อแม่ลูกที่เป็นเพศเดียวกัน เปิดโอกาสให้เลียนแบบพฤติกรรม แนวคิด หลักการ เพิ่มทักษะของเด็กและส่งเสริมการเข้ากลุ่มเพื่อนเพศเดียวกัน เช่น กีฬา ดนตรี การทำกิจกรรมต่างๆ เป็นต้น
           การทำใจ เพราะถ้าเป็นรักร่วมเพศเห็นชัดในวัยรุ่น ก็มักจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกหรือพฤติกรรมได้ยากแล้ว ดังนั้นก่อนที่คุณจะคิดคุยกับลูกในเรื่องนี้ต้องศึกษาเรื่องรักร่วมเพศกันบ้างจะได้เข้าใจพื้นฐานและปัญหาที่พบในกลุ่มนี้       จะได้ช่วยเหลือลูกได้ถูกทาง
การพูดคุย รับฟังเรื่องราวต่างๆที่คุณไม่เคยคาดคิดมาก่อนด้วยความสงบ พูดให้เป็นเรื่องง่ายๆ ธรรมดาๆจะช่วยทำให้วัยรุ่นมีกำลังใจในการเปิดเผยเรื่องราว ความรู้สึก ความคับแค้น เพื่อที่จะหาทางช่วยเหลือกันต่อไป
ยอมรับ ความจริงของลูก และยอมรับความผิดหวังของตัวเอง การตั้งแง่ การไม่ยอมรับ การแสดงความรังเกียจของพ่อแม่ มีแต่จะทำให้ปัญหาบานหลายและไม่เกิดผลดีต่อลูกวัยรุ่นเลย
ช่วยเหลือ ฝึกฝนทักษะต่างๆที่ทำให้ลูกปรับตัว ใช้ชีวิตเป็นปกติให้มากที่สุด
อ้างอิงรูป : http://pantip.com/topic/30671979

ปัญหาการเรียน
ปัญหาการเรียน มีทั้งพวกที่เรียนมากเกินไปจนไม่มีสังคม ไปจนถึงพวกที่ไม่เรียนเลย เพราะมักอยู่แต่กับเพื่อนเฮฮา พวกที่เรียนมากเกินไปบางครั้งก็มีปัญหาเกิดขึ้นจากความพยายามที่จะฝืนตนเองเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของพ่อแม่ เอกลักษณ์ที่สร้างขึ้นเป็นสิ่งที่สร้างเพื่อพ่อแม่ไม่ใช่เพื่อตนเอง ความเบื่อหน่ายและความผิดหวังในภายหลังอาจเป็นผลตามมา ส่วนพวกที่ไม่เรียนเลยก็อาจมีสาเหตุ มาจากเรียนไม่ไหว สติปัญญาไม่เอื้ออำนวย สิ่งที่เรียนไม่ตรงความถนัด ไม่เป็นสิ่งที่ชอบ หรือไม่มีแรงจูงใจในการเรียนหนังสือ
ดังนั้น การให้ความรู้พ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูก เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเด็กควรได้รับการพัฒนาและตั้งเป้าหมายชีวิตตามศักยภาพของเขาที่มี การผลักดันมากเกินไปหรือในทางตรงข้ามการปล่อยปละละเลย จนเด็กไม่ได้รับโอกาสในการพัฒนาตนเองเลยก็ล้วนแต่เป็นปัญหาทั้งสิ้น
อ้างอิงรูป : http://www.iurban.in.th/inspiration/why-21st-century-classrooms-may-have-standing-room-only/

ใช้สารเสพติด

รายงานจากกรมตำรวจพบว่า ในปี พ.ศ. 2546 มีนักเรียนมากกว่า 2 แสนคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงพื้นฐานคุณภาพของวัยรุ่นไทย และความมั่นคงของครอบครัวที่มีปัญหาได้ชัดเจน ถึงแม้ว่าปัจจุบันรัฐบาลใช้ความเด็ดขาดในการปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า โดยเอ๊กซเรย์ทุกพื้นที่ในประเทศเป็นระรอกที่ 3 แล้วก็ตาม ทำให้สถิติของวัยรุ่นที่ใช้ยาเสพติดลดจำนวนลงมากเนื่องจากราคาสารเสพติดในท้องตลาดแพงขึ้นและเสี่ยงต่อการถูกจับกุมเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มีวีธีการในการพัฒนาวัยรุ่นและครอบครัวอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน
เหตุวัยรุ่นที่หันเข้าหายาเสพติด ได้แก่ เพื่อนชวน สิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการแสวงหายาเสพติดมาใช้ ค่านิยมการใช้ยาเสพติดในวัยรุ่น อยากเป็นที่ยอมรับของเพื่อน ปัญหาครอบครัว ความกดดันในการเรียน จิตใจไม่
ปัจจุบันสามารถรักษาอาการติดยาได้ทุกโรงพยาบาล แต่การแก้ปัญหาเมื่อวัยรุ่นติดยาเสพติดแล้วจะได้ผลดีก็ต่อเมื่อวัยรุ่นคนนั้นมีปัจจัยเสี่ยงน้อย ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงมากมีปัญหาในทุกๆด้าน โอกาสแก้ไขให้วัยรุ่นเลิกใช้ยาเสพติด อาจจะได้ผลในระยะสั้นๆ ส่วนใหญ่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะกลับไปใช้อีก ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อย่างมาก
อ้างอิงรูป : http://libazz.com/Drugabuse/content.php?mid=38573

มีเพศสัมพันธ์
การมีเพศสัมพันธ์ในวัยอันไม่สมควร ย่อมก่อให้เกิดปัญหาตามมา เช่น ติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ตั้งครรภ์ในวัยเรียน การทำแท้งผิดกฎหมาย ละทิ้งเด็ก ฯลฯ พบว่าการให้ความรู้จากการสอนของครู ของพ่อแม่ถือว่าได้ผลเพียงส่วนเดียว ยังมีเด็กวัยรุ่นอีกจำนวนมากที่มีความรู้แต่ก็ยังมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ การอบรมเลี้ยงดูที่ดีจากครอบครัว ใกล้ชิด ฝึกฝนเรื่องระเบียบวินัย เห็นคุณค่าของตนเอง การฝึกให้รับผิดชอบผลในสิ่งที่ทำ การฝึกทักษะชีวิตในการไตร่ตรอง แยกแยะ วิเคราะห์และปฏิเสธสิ่งที่จะนำไปสู่อันตราย หรือการจัดการกับอารมณ์
แต่เมื่อรู้ว่าลูกวัยรุ่นทดลองมีเพศสัมพันธ์แล้ว จำเป็นต้องให้ความรู้เรื่องการป้องกันการติดโรคและการตั้งครรภ์ ในการป้องกันปัญหาที่จะตามมา แนวทางที่จะทำได้ คือ
ทำความเข้าใจปัญหาในภาพรวม รวมทั้งเข้าใจถึงความอยากรู้ อยากเห็น อยากลองของวัยรุ่น ยับยั้งอารมณ์โกรธและผิดหวังของพ่อแม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพื่อแสดงออกให้เหมาะสม ร่วมคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหาร่วมกันกับวัยรุ่น วางแผนแก้ปัญหาระยะสั้นและระยะยาว สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ รวมถึงค้นหาจุดอ่อนที่นำพาไปสู่ปัญหา ให้วัยรุ่นกลับมาสู่ระบบการเรียนตามปกติ ให้รับผิดชอบในสิ่งที่กระทำไป แก้ไขจุดอ่อนที่มีอยู่ภายในตัว รวมทั้งการป้องกันการติดโรคและการตั้งครรภ์

  


 อ้างอิงรูป : http://www.pilok4u.com/read.php?tid-9240.html

คิดฆ่าตัวตาย

การฆ่าตัวตาย เป็นสาเหตุการตายของวัยรุ่นในอันดับต้นๆรองจากความตายจากอุบัติเหตุ สาเหตุของการฆ่าตัวตายส่วนใหญ่เกิดจากอารมณ์เศร้า เนื่องจากขาดความภาคภูมิใจในตนเอง ว้าเหว่ มีเจตคติในทางลบต่อตนเองและสังคม มองตนเองว่าไร้ค่า และไม่มีใครต้องการ มักพบในวัยรุ่นที่มีปัญหาการเรียน มีปัญหากับเพื่อนหรือกับคนในครอบครัว ผู้หญิงมีการทำร้ายตัวเองสูงกว่าแต่ผู้ชายตายจากเหตุนี้มากกว่า ถือเป็นเรื่องฉุกเฉินและรุนแรงต้องรีบให้ความช่วยเหลือในทุกๆด้าน
เมื่อมีการพยายามฆ่าตัวตายเกิดขึ้น ผู้ใหญ่ต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง ปรึกษาแพทย์เพื่อค้นหาและประเมินปัญหาหรือสถานการณ์บีบคั้นร่วมกับครอบครัวเสียก่อน และทำการ แก้ไขในทุกปัญหาที่สำคัญ
อ้างอิงรูป : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000103576

>ปัญหาที่สำคัญในวัยรุ่น
1.  รักสบาย ขี้เกียจ ขาดความกระตือรือร้น เฉื่อยชา  
2.
  ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเปลือง ไม่เห็นคุณค่าของเงิน และของที่ได้มาง่าย ๆ 
3.
  ดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่น ไม่ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น  
4.
  ปัญหาทางเพศ เช่นการมีแฟนในวัยเรียน การมีเพื่อนต่างเพศไม่เหมาะสม การมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียน การทำแท้ง การติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ความเบี่ยงเบนทางเพศ หรือรักร่วมเพศ เป็นต้น 
5.
  การใช้โทรศัพท์-อินเตอร์เน็ตนาน 
6.
  ดื้อ เกเร ก้าวร้าว รุนแรงทั้งกิริยา วาจา การกระทำรวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ  
7.  คิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ไม่เป็นระบบ หรือทำได้บางส่วน ขาดการวางแผน ไม่รอบคอบ   
8.
  ใช้สารเสพติด ขาดการยับยั้งใจตนเอง ตามเพื่อน มีปัญหาทางจิตใจอารมณ์ ปัญหา การเลี้ยงดู 
9.
  ไม่ตั้งใจเรียน หนีเรียน หนีออกจากบ้าน 
10. ขาดความรับผิดชอบขาดระเบียบ วินัย ไม่มีมารยาท ขาดการควบคุมตัวเอง หรือควบคุมตัวเองได้น้อย
 
11. ใจร้อน ตามใจตัวเองมากแต่ไปบังคับเรียกร้องจากคนอื่น
  
11. ขาดทักษะ ขาดประสบการณ์ ขาดไหวพริบ
  
12. ขโมย พูดปด
 
13. ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ และวัยรุ่นว้าเหว่  เหงา  เบื่อหน่ายง่าย ขาดจุดมุ่งหมาย ฯลฯ
  
14. มีข้อขัดแย้งสูง ไม่มั่นใจตนเอง อารมณ์หงุดหงิด ขึ้นๆลงๆ
 
15. การพนัน


อ้างอิงรูป : http://www.thaihealth.or.th/Content/10230-20.html
>สาเหตุของปัญหาพฤติกรรมวัยรุ่น

ปัจจัยที่ส่งผลให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ
อารมณ์ทางเพศที่เกิดขึ้นในช่วงการเข้าสู่วัยรุ่นเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของร่างกายที่จะสืบทอดและดำรงไว้ซึ่งเผ่าพันธุ์ โดยมี สิ่งเร้าสำคัญใน 2 ลักษณะประกอบด้วย ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน (intrinsic stimulus) และลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก (extrinsic stimulus)
-          ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายใน หมายถึง สิ่งเร้าซึ่งเป็นผลที่เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย โดยได้รับอิทธิพลมาจากการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ซึ่งผลิตฮอร์โมนออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายมีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
ต่อมไร้ท่อที่ทำหน้าที่ควบคุมและกระตุ้นรวมทั้งผลิตฮอร์โมนทางเพศที่สำคัญ ได้แก่ ต่อมใต้สมองหรือต่อมพิทูอิทารี (pituitary gland) และต่อมเพศ (gonads)
1. ต่อมใต้สมอง หรือ พิทูอิทารี เป็นต่อมไร้ท่อที่สำคัญที่สุดของร่างกาย และถือว่าเป็นต่อมหลักในการควบคุมการเจริญเติบโตของร่างกายและพัฒนาการทางเพศ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า มาสเตอร์แกลน (master gland)
2. ต่อมเพศ ถือว่าเป็นปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายในที่กระตุ้นให้คนเราเมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นมีพัฒนาการทางเพศ และนำไปสู่การเกิดอารมณ์ทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายต่อมเพศ คือ ลูกอัณฑะ (testis) ส่วนในเพศหญิงต่อมเพศ คือ รังไข่ (ovary)
ฮอร์โมนที่ต่อมเพศในแต่ละเพศผลิตออกมา มีคุณลักณะที่เกี่ยวข้องกับพัฒนาการทางเพศ และการเกิดอารมณ์ความรู้สึกทางเพศ ดังนี้
1) ฮอร์โมนเพศของเพศชาย
เมื่อย่างเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น กลุ่มเซลล์เนื้อเยื่อของลูกอัณฑะ นอกจากจะผลิตเซลล์เพศชาย หรือ อสุจิ (sperm) แล้ว ยังผลิตฮอร์โมนเพศออกมาด้วย ที่สำคัญ คือ ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน (testosterone) ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้จะส่งผลให้วัยรุ่นเพศชายมีลักษณะความเป็นชายที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการของการ เกิดความรู้สึกต้องการทางเพศขึ้น และหากตัดลูกอัณฑะทั้งสองข้างออกในช่วงของวัยเด็ก จะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติในร่างกายขึ้น เป็นต้นว่า อวัยวะเพศจะไม่เจริญเติบโต ไม่มีคุณลักษณะของความเป็นชาย มีการสะสมของไขมันบริเวณใบหน้า แขน หน้าอก และบริเวณรักแร้มากขึ้น และยังพบว่าบริเวณกล่องเสียงจะมีขนาดที่เล็กลงส่งผลให้มีเสียงคล้ายผู้หญิง และถ้าหากตัดลูกอัณฑะทั้งสองข้างออกในวัยผู้ใหญ่จะส่งผลให้เป็นหมัน ไม่มีความรู้สึกทางเพศ และมีคุณลักษณะบางประการไปในทางเพศหญิง ได้แก่ ความแข็งแรงลดลง ขนาดของกล้ามเนื้อเล็กลง เป็นต้น
2) ฮอร์โมนเพศของเพศหญิง
ในเพศหญิงรังไข่ถือว่าเป็นต่อมเพศ จะผลิตฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวกับพัฒนาการทางเพศของเพศหญิงออกมาที่สำคัญ ได้แก่ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล (estradiol) ฮอร์โมนฟอลลิคอวลาร์ (follicular) และฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน (progesterone) โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติในการกระตุ้น และควบคุมพัฒนาการทางเพศในเพศหญิง เป็นต้นว่า ฮอร์โมนเอสตราดิโอล และ ฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์ ซึ่งโดยภาพรวมจะมีอิทธิพลในการควบคุมคุณลักษณะของความเป็นหญิง ตลอดจนกระตุ้นให้อวัยวะเพศของเพศหญิงเปลี่ยนจากลักษณะในวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่มากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนมากขึ้น มีประจำเดือนและมีการพัฒนาทางด้านจิตใจที่เป็นผู้หญิง และเกิดความรู้สึกต้องการทางเพศ ขึ้นเช่นเดียวกับเพศชาย แต่โดยธรรมชาติความรู้สึกที่เกิดขึ้นดังกล่าวเพศหญิงจะควบคุมอารมณ์และความต้องการได้ดีกว่าเพศชาย และพบว่าฮอร์โมนเอสตราดิโอลยังมีคุณลักษณะในการกระตุ้นให้รังไข่ ผลิตไข่ออกมาเดือนละฟองสลับกันข้างซ้าย ข้างขวา โดยมีฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ทำหน้าที่กระตุ้นให้ผนังมดลูกมีความหนาขึ้นเพื่อพร้อมรับการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสม




  



 อ้างอิงรูป : https://plus.google.com/112161576981517989744/posts/VRNg5aVFUkm
ฮอร์โมนเพศเป็นปัจจัยภายในที่สำคัญที่เป็นสิ่งเร้าให้วัยรุ่นพัฒนาการของอารมณ์ทางเพศเกิดขึ้น และนำไปสู่การเกิดความต้องการทางเพศตามช่วงวัย ในเพศชายฮอร์โมนที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือ ฮอร์โมนเทสทอสเทอโรน ส่วนในเพศหญิง คือ ฮอร์โมนเอสตราดิโอล และฮอร์โมนฟอลลิคิวลาร์

-          ลักษณะของปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก
ปัจจัยที่เป็นสิ่งเร้าภายนอก หมายถึง สภาพแวดล้อมภายนอกต่างๆที่สามารถกระตุ้นผู้ที่รับรู้ให้เกิดอารมณ์ทางเพศขึ้น ซึ่งสิ่งเร้าเหล่านี้มีหลายรูปแบบ ได้แก่
1. สื่อรูปแบบต่างๆ
ในปัจจุบันมีสื่อหลากหลายรูปแบบที่กระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศ โดยเฉพาะสื่อทางเพศ เป็นสื่อที่นำเสนอภาพหรือข้อมูลที่ให้ความรู้เรื่องเพศ มีทั้งสื่อที่สร้างสรรค์และไม่สร้างสรรค์
สื่อที่สร้างสรรค์ คือ สื่อที่ให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องเพศ ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกวิธี การป้องกันตนเองจากการตั้งครรภ์ เป็นต้น ส่วนสื่อที่ไม่สร้างสรรค์แบ่งออกได้เป็น 2 ระดับ คือ ระดับของสื่อทางเพศที่ห้ามมีการเผยแพร่ในสังคมไทยอย่างเด็ดขาด ส่วนระดับที่สอง เป็นสื่อทางเพศที่ต้องห้ามเนื่องจากเป็นผลมาจากศีลธรรมอันดีงามของสังคมไทย
ความหลากหลายของสื่อที่กล่าวมาข้างต้นนั้น วัยรุ่นบางคนก็ไม่สามารถแยกแยะสื่อที่สร้างสรรค์กับสื่อที่มาสร้างสรรค์ได้ จึงได้รับเอาข้อมูลเรื่องเพศมากจากสื่อทั้งสองประเภท สื่อที่ไม่สร้างสรรค์จึงมีการผลิตและเผยแพร่มากขึ้นทุกวัน ทั้งในรูปแบบหนังสือและวารสารต่างๆ สื่อที่อยู่ในรูปของภาพยนตร์ก็มี และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ปัจจุบัน ระบบอินเทอร์เน็ตได้ถูกนำมาใช้เป็นสื่อทางเพศอีกช่องทางหนึ่ง บางกรณีก้นำเสนอผ่านเว็บไซต์ บางกรณีก็นำเสนอในรูปแบบเกมออนไลน์ และจะเห็นได้ว่า ระบบนี้บางทีก็ขาดการดูแล และการจัดการที่ดี จึงทำให้มีการเผยแพร่ลุกลามอย่างรวดเร็ว นอกจากจะยั่วยุและกระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดอารมณ์ทางเพศได้ง่ายและรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังอาจนำไปสู่การมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศอีกด้วย
จากความสำคัญของสื่อในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมา อาจกล่าวได้ว่า สื่อที่กล่าวมาจัดเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องตลอดจนวัยรุ่นต้องให้ความสำคัญในการระมัดระวังในการเลือกรับสื่อที่ถูกประเภทด้วย
อ้างอิงรูป : https://cujrnewmedia.wordpress.com/2011/12/24/
2. สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป
ในปัจจุบันคงต้องยอมรับกันว่า สภาพทางสังคมและวัฒนธรรมไทยได้เปลี่ยนไป เนื่องจากมีการรับเอาวัฒนธรรมของชาติตะวันตกให้มามีบทบาทในการดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น ทำให้วัยรุ่นไทยมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น ทั้งทางด้านการแต่งกาย การคบเพื่อนต่างเพศ ซึ่งมีอิสระมากขึ้น นอกจากนี้ ปัจจุบันสภาพของครอบครัวไทยเปลี่ยนไป ผู้ปกครองมีเวลาใกล้ชิดกับบุตรหลานน้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพของภาวะทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังพบว่า ความมีอิสระของสื่อต่อการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ สิ่งต่างๆเหล่านี้จัดได้ว่าเป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สำคัญที่สามารถจะเร้าและกระตุ้นให้วัยรุ่นเกิดความต้องการทางเพศขึ้นได้ โดยเฉพาะหากขาดการดูแลและการควบคุมที่ถูกต้องเหมาะสม
3. ค่านิยมและประพฤติที่ไม่เหมาะสมในบางลักษณะของวัยรุ่น
ผลจากสภาพทางสังคมและวัฒนธรรมทางสังคมไทยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศที่เปลี่ยนไป สางผลให้วัยรุ่นไทยเกิดค่านิยมและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในหลายลักษณะ เป็นต้นว่า ค่านิยมในเรื่องการแต่งกายตามสมัยนิยม (Fashion) ที่มากเกินไปของวัยรุ่น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสวมเสื้อผ้าที่รัดรูปทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้ง หรือการเปิดเผยสัดส่วนของร่างกายมากเกินไปของเพศหญิง ซึ่งการแสดงออกดังกล่าวอาจกระตุ้นและยั่วยุให้เพศชายเกิดความอารมณ์ทางเพศได้ นอกจากนี้ยังพบว่า วัยรุ่นมักจะมีค่านิยมเกี่ยวกับความต้องการในการแสดงออกโดยอิสระ เป็นต้นว่า การเที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน การสัมผัสร่างกายของเพศตรงข้ามหรือการจับมือถือแขน กอดจูบกันในที่สาธารณะ การอยู่ลำพังสองต่อสอง หรือการไม่ให้ความสำคัญเรื่องการรักษาพรหมจรรย์ ฯลฯ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยภายนอกที่สำคัญมากๆเพราะถือว่าเป็นความคิดของวัยรุ่นที่เป็นวัยที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ถ้าได้รับการเรียนรู้มาแบบผิดๆ และไม่สามารถควบคุมอารมณ์ทางเพศไว้ได้ก็อาจทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิตเลยก็ได้ วัยรุ่นจึงควรตระหนักในการควบคุมอารมณ์ทางเพศให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม และควรมีสติยั้งคิดอยู่ตลอดเวลาด้วย

>แนวทางการแก้ไขและช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมวัยรุ่น

การแก้ปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรงต้องเริ่มที่ตัวบุคคลและครอบครัว ดังนี้
ระดับบุคคล
 1. เรียนรู้และฝึกฝนตนเองให้เป็นคนใจเย็น มีเหตุผล ฝึกสมาธิ                 
 2. ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อย่ายึดตนเองเป็นใหญ่ 
 3. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น เล่นกีฬา ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
4. อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข ให้ความช่วยเหลือคนอื่นๆ เท่าที่จะสามารถทำได้     
 5. ไม่ตัดสินปัญหาโดยการใช้กำลัง และหลีกเลี่ยงเมื่อถูกผู้อื่นใช้กำลัง    
6. ไม่หมกมุ่นอยู่กับการเล่นเกมทางอินเทอร์เน็ตมากเกินไป โดยเฉพาะการสนทนาทางอินเทอร์เน็ต หรือการแชท (chat) ซึ่งจะนำไปสู่การถูกหลอกลวงไปทำรุนแรงทางเพศได้ง่าย
 ระดับครอบครัว
1.สร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสมาชิกในครอบครัว พ่อ แม่ ผู้ปกครองควรมีข้อตกลง เรื่อง อำนาจการตัดสินใจเรื่องในครอบครัวโดยไม่ใช้ความรุนแรง
2.มีพฤติกรรมที่แสดงความรัก ความเอื้ออาทร และช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่าง พ่อ แม่ ลูกและคนอื่นๆ ในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ
3.  มีการกำหนดเป้าหมายและแนวทางการดำเนินชีวิต ตลอดจนกติกาต่างๆ ภายในครอบครัว โดยสมาชิกทุกคนมีส่วนร่วม              
4. สมาชิกในครอบครัวมีความยืดหยุ่น ยอมรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับสมาชิกในครอบครัวอย่างปกติ    
5. สมาชิกทุกคนควรมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของครอบครัว ตามสถานภาพที่ควรจะเป็น รวมทั้งการแก้ไขเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดด้วย  
6. พ่อแม่ ผู้ปกครองให้การอบรมเลี้ยงดูลูกๆ ไปในแนวทางที่ถูกต้องโดยให้การเอาใจใส่ดูแลลูกๆ อย่างใกล้ชิด
7. พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการแก้ไขปัญหาโดยไม่ใช้ความรุนแรง   
8. พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องไม่ใช้ความรุนแรงกับลูกๆ การลงโทษเมื่อลูกกระทำผิดต้องทำอย่างมีเหตุผล
9. พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องไม่ใช้ความรุนแรงให้กับลูกๆ จนกลายเป็นคนชอบใช้ความรุนแรง เมื่อมีโอกาส                                                                                                                                                                                                                                 

  อ้างอิงรูป : http://www.dmc.tv/pages//% A2.html
วิธีการปฏิบัติตามหลักความปลอดภัย
คนทุกคนควรปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยเพื่อป้องกันและแก้ปัญหาความรุนแรง ดังนี้           
1. ไม่แก้ไขปัญหาโดยใช้ความรุนแรงทุกลักษณะ        
2. ไม่เข้าไปในสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เสี่ยงต่อการถูกกระทำรุนแรง เช่น ไม่ไปในสถานที่เปลี่ยวในเวลากลางคืน เพราะอาจถูกปล้น จี้ หรือ โดนทำร้ายได้ เป็นต้น   
3. ไม่พูดหรือกระทำสิ่งที่ยั่วยุให้ผู้มีอำนาจเหนือกว่า เกิดความโกรธ และทำร้ายเราได้         
4. เมื่อพบเห็นเหตุการณ์หรือสิ่งผิดปกติที่อาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรืออันตรายในบ้านหรือในชุมชน ต้องแจ้งให้ผู้ใหญ่หรือตำรวจทราบ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น     
5. ประพฤติปฏิบัติตนตามแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ประพฤติตนในทางไม่ดีหรือเกเร 
6. ในการกระทำสิ่งต่างๆ ต้องยึดหลัก ปลอดภัยไว้ก่อน” “ไม่ประมาท



 อ้างอิงรูป : http://www.pccl.ac.th/external_newsblog.php?links=486
>อิทธิพลต่างๆที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศ

อิทธิพลจากครอบครัว
ครอบครัวเป็นสถาบันที่ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกซึ่งเป็นสถาบันแรกที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูและได้รับ ความรู้ต่างๆจากพ่อแม่และบุคคลในครอบครัวถ้าครอบครัวใดที่พ่อแม่และ บุคคลในครอบครัวมีการศึกษาและ ถ่ายทอดสิ่งที่ ดีมีคุณค่ากับเด็ก  เด็กก็จะได้รับการซึมซับสิ่งที่ดีมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์  แต่เด็กที่ที่เกิดในครอบ ครัวที่เป็นแบบอย่างใน ทาง ตรงข้าม เช่น พ่อ แม่ หรือบุคคลในครอบครัวมีการศึกษาน้อย ยากจน พ่อแม่มีพฤติกรรม ที่ไม่ถูกต้อง เช่น พูดจาหยาบคาย ไม่สุภาพ และมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมเด็กก็จะ ซึมซับเอาพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องนั้นมาเป็นพฤติกรรมของตนเอง

อิทธิพลจากเพื่อน  
เพื่อนเป็นคนที่ชอบพอรักใคร่ของเด็กที่อยู่ในวัยเดียวกัน   หรือ ใกล้เคียงกันมีรสนิยมและสนใจเรื่องต่างๆ  เหมือนกันเพื่อนจึงมีอิทธิพลอย่างมากทั้งทางดี และ ไม่ดีเด็กที่รู้จักคบเพื่อน ที่ดีมาจากครอบครัวที่เป็นแบบอย่างที่ดีเด็กก็จะ ได้เพื่อนที่ดีชักชวนกันทำกิจกรมที่ดีมีประโยชน์ เช่น รักเรียน ช่วยเหลือผู้อื่น อยู่ในกรอบระเบียบที่ดีของสังคม 

อิทธิพลจากสังคม 
 ปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่มีอิทธิพลมาจากสังคมที่่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนทำให้คนในสังคมแตกต่างกัน  ได้แก่ กลุ่มที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งเกิดจากวิกฤติทางเศรษฐกิจทำให้มีสถานภาพทางสังคมเปลี่ยนไป และกลุ่มที่ตามยุคสมัยจนเกินไป และนำความทันสมัยในทางที่ผิด โดยการเลียนแบบพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศและพฤติกรรมผิดๆจากสิ่งที่ทันสมัย เช่น จากสื่อสิ่งพิมพ์สื่อโทรทัศน์และอินเตอร์เน็ตมากจนเกินไป   จึงทำให้เกิดปัญหามากในปัจจุบัน

คลิปวิดีโอ 


อ้างอิง

2 ความคิดเห็น:

  1. Lucky Club | A Quick Guide to The Casino Site
    Lucky Club, located in Horseshoe, New York, is a unique online gambling establishment established in 2004. It is operated by luckyclub.live the Eastern Band of the New York

    ตอบลบ
  2. How To Delete Online Gambling Sites In NJ - Dr. MD
    NJ online gambling websites have a long history of 대전광역 출장샵 allowing players to 양주 출장안마 make online gambling gambling money. In 과천 출장안마 fact, gambling online is 경기도 출장샵 the best 강원도 출장마사지 way to

    ตอบลบ